วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ผลไม้ 7 อย่างที่ผู้หญิงไม่ควรพลาด
เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคุณสาวๆ เราขอแนะนำผักผลไม้ 7 ชนิด สำหรับคุณผู้หญิง ที่ใส่ใจในตัวเองตั้งแต่ หัวจรวดปลายเท้า ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีสารที่เป็นประโยชน์แก่หญิงทุกวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย ดังนี้
1.ลูกพรุน (Prunes) ลูกพรุนเป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี พรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78 มิลลิกรัมและมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการดูดซึมธาตุต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นหากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ริมฝีปากแดงสดเหมือนสตรอเบอรี่ แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอางดูเป็นคนที่มีสุขภาพดี สมบูรณ์ด้วยเลือดฝาด
2.ถั่ว ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสมาถั่วช่วยคุณได้ำถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบี นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่าเมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิด ที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่ม-นานความอยากอาหารจะลด ลง
3.บรอคโคลี่ เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลายเพราะบรอ คโคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติซึ่งเจ้าตัวซีลีเนียมนี้แหละ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ( ซีลี-เนียมจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนังจึงทำให้ผิวดูอ่อนวัยนุ่ม นิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว ) แถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย
4. กล้วยไข่ กล้วยทุกชนิดดีต่อสุขภาพแต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษในเรื่องของสารต้านอนุมูล อิสระที่เรารู้จักกันดีคือเบต้าแคโรทีนโดยธรรมชาติ เมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้วความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองมีสองสิ่งที่สำคัญเกิดขี้นในร่างกายของเรา ซึ่งก็คือ สิ่งแรก เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้นสิ่งที่สองความสามารถในการ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆพร้อมกันนั้นความสามารถในการ จำกัดอนุมูลอิสระ (Detoxification) ก็ลดลงอย่างน่าตกใจเช่นกันดังนั้น กลยุทธ์ที่คุณจะสู้กับความแก่ด้วยตนเองก็คือคุณต้องรับประทานอาหารที่มี ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระให้มากซึ่งสารนี้เรารู้จักในชื่อที่ เรียกว่า แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidants) ซึ่งในกล้วยไข่ 1 ขีด มีสารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม
5.ฝรั่ง ฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง180 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึง ไม่แก่ก่อนวัยวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เองที่ทำให้ คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซี มีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissue) เซลล์นับล้านๆตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนมันคือคอลลาเจนตัวเดียวกันกับคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของ คุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเอง และเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั่นเอง คุณๆทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆน่าจะลองหัน มารับประทานฝรั่งเป็นประจำ
6.แอปเปิ้ล มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ าเพคตินำ แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว าเพคตินำ นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดโคเลสเตอรอลหากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้เพราะแอปเปิ้ลมีแป้ง และน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็วและนำไปใช้ประโยชน์ ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลงทำให้คุณไม่รู้สึกหงุดหงิด หรือ อ่อนเพลีย แอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวันช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้ เพราะแอปเปิ้ลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ผลจากการวิจัยชี้ว่าเมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมันและแยกโคเลส-เตอร อลออกมาเสร็จสิ้นแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ลจะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้นและพาไปทิ้งก่อนที่จะ ถูกดูดกลับเข้าร่างกาย
7.ส้ม แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรม-ชาติการรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธี หนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็วเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้ อย่างดีทีเดียวค่ะนอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโต หรือโดนัทชิ้นใหญ่ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าในราคา ที่ถูกกว่าด้วย
ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นสำหรับคุณๆผู้หญิงทุก ท่านที่ต้องการรักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้งเจ็ดนี้แล้วผักและผลไม้อื่นๆ ก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันสถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกาจึงได้ แนะนำขนาด-ในการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวันว่า ควรจะรับประทานรวมกันให้ได้วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใส ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกวน
รักษามะเร็งรังไข่ได้ด้วยขิง
พืชพื้นเมืองอย่างขิง มีฤทธิ์ฆ่าซลล์มะเร็งได้ เตรียมวิจัยทำยารักษามะเร็งรังไข่
นักสิทยาศาสตร์ชาวอมริกันชื่อว่า ขิงสามารถรักษามะเร็งรังไข่ได้
สมทบโดยนักวิจัยจากประเทศอังกฤษ
ซึ่งเชื่อว่าของอาจจะป็นรูปแบบของการรักษาแบบใหม่ในอนาคต หากได้รับการวิจัยอย่างจริงจัง
รีเบคก้า ลิว (Rebecca Liu) ผู้รายงานการวิจัยครั้งนี้
ได้นำเสนอรูปแบบของผลการทดลองโดยใช้ขิงผงสำเร็จรูปที่วางขายกันทั่วไป
ละลายในสารละลายทดสอบแล้วทดสอบกับซลล์มะเร็งรังไข่ พบว่า ฤทธิ์ของขิง ทำให้เซลล์มะเร็งรังไข่ตาย
และความเผ็ดร้อนของขิงยังช่วยไม่ให้เซลล์มะเร็งต่อต้านการรักษาอีกด้วย
การฆ่าเซลล์มะเร็งนั้น ทำได้ในสองรูปแบบ คือ วิธีการส่งสัญญาณทำให้เซลล์หันมาทำลายตัวเอง (Apoptosis) และ
วิธีการที่ทำให้เซลล์ทำลายตัวเอง (Autophagy) การรักษาด้วยเคมีบำบัด เป็นวิธีการรักษาแบบ Apoptosis
ส่วนการทำงานของขิงนั้น เป็นรูปแบบของ Autophagy ซึ่งเป็นแนวทางที่มีการคาดหมายว่า
จะลดอาการดื้อยาจากการทำเคมีบำบัดของเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ทางศูนย์วิจัยโรคมะเร็งในอังกฤษก็เคยวิจัย พบว่า
สารสกัดจากขิงสามารถหยุดการจริญติบโตของเซลล์มะร็งได้
เจ้าหน้าที่ทางด้านข้อมูลวิทยาศาสตร์ เฮนรี่ สควอครอฟท์ (Henry Scowcroft) กล่าวยืนยันผลการทดลองครั้งนี้
แต่อย่างไรก็ตาม นักวิจัยทั้งสองท่านได้แสดงความห็นว่า งานวิจัยครั้งนี้เป็นไปเพียงเพื่อ
การทดสอบเบื้องต้น และเป็นจุดริ่มของการค้นพบประสิทธิภาพการทำงานของขิงเท่านั้น
ยังคงต้องมีการวิจัยอีกมาก ก่อนที่จะยืนยันผลการทดลอง และกว่าจะค้นพบสารออกฤทธิ์ในขิงเพื่อสกัดออกมาป็นยา
คงต้องผ่านกระบวนการวิจัยอีกหลายขั้นตอน
ในประเทศไทยเองก็มีการศึกษาวิจัยผลของขิงในการฆ่ามะเร็งเช่นกัน
โดยหวังว่าพืชพื้นเมืองอย่างขิงนั้นจะป็นความหวังใหม่ของการรักษามะเร็งรังไข่ในอนาคต
ปัจจุบัน ขิงได้รับการยอมรับว่าสามารถแก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน และสามารถป้องกันการเมารถ เมาเรือได้
มีการนำขิงมาบรรจุแคปซูลเพื่อวามสะดวกในการรับประทาน
และใช้กินเพื่อป้องกันการมารถ ยาจีนหลายขนานก็มีขิงเป็นส่วนประกอบ
และคนจีนก็ได้ใช้ประโยชน์จากขิงมานับพันปีแล้ว
การแข่งขันกันวิจัยสรรพคุณของพืชสมุนไพรเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ประเทศไทยขึ้นชื่อว่ามีสมุนไพรจำนวนมากและหลากหลาย
หากได้รับการวิจัยอย่างจริงจัง เพื่อหาทางสกัดยาจากสมุนไพรโดยผ่านกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ โอกาสการค้นพบทางออกจากโรคร้ายคงมาถึงในอีกไม่นาน
ลดน้ำหนัก เพิ่มความสูง
สิ่งที่มีผลต่อขนาดของร่างกาย มีอยู่ 3 อย่างด้วยกันคือ
ถ้า พ่อแม่สูง ลูกมักจะสูงด้วย แต่บางที ถ้าได้พันธุ์จากปู่ ย่า ตา ยาย ที่ไม่สูง ลูกอาจไม่สูงตามได้ค่ะ อาหารจึงมีความสำคัญมากที่สุด ที่คนเราจะสูงได้เต็มที่ ตามที่พันธุกรรมกำหนด แต่ถึงได้ทานอาหารดี แล้วกลับเจ็บป่วยบ่อย ระยะป่วยที่มีการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ทำให้อาหาร ไม่ได้ทำประโยชน์ ทางด้านการเจริญเติบโต แต่กลับต้องทำหน้าที่ ต่อสูกับโรคแทน การเจริญเติบโต จึงต้องหยุดหรือช้าลง ร่างกายจะสูงได้ ไม่เต็มที่
คนเราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนอายุประมาณ 25 ปี
ถึง แม้จะเกิน 25 แล้ว ก็ยังจะสูงได้อีกนะคะ แต่น้อยมากค่ะ ในระยะวัยรุ่น ทั้งหญิงและชาย จะสูงเร็วมาก พ่อแม่จะซื้อเสื้อผ้าเผื่อโตให้ลูก เมื่อตอนโรงเรียนเปิด ลูกใส่ชุดนักเรียน ตัวใหญ่เกินตัวมาก แต่ยังไม่ทันสิ้นปี คับ จนแทบจะใส่ไม่ได้แล้วหล่ะค่ะ
วัยรุ่นต้องการอาหาร มากกว่าวัยอื่นใด ในชีวิต
แต่ นั่นเป็นเพราะ วัยรุ่นมักมีกิจกรรมมาก จนไม่ค่อยได้รับอาหารเพียงพอ ทำให้อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เป็นลมง่ายค่ะ อาการเป็นลม เป็นกลไกรักษาความปลอดภัย ของมนุษย์ตามธรรมชาตินะคะ ถ้าสมองขาดอาหาร จะสั่งหยุดการทำงาน เพื่อสงวนพลังงาน ถ้ามีเพื่อนนักเรียนคนหนึ่ง เป็นลมในขณะเข้าแถว ในวันที่มีอาจารย์อบรม ยาวเกินไป แสดงว่าเพื่อนนักเรียนคนนั้น อาจเป็นโรคขาดอาหาร หรือไม่ได้ทานอาหารเช้า หรืออดอาหารเอง เพราะกลัวอ้วน นั่นอาจทำให้เขาผอมได้ ดังปรารถนานะคะ แต่จะไม่มีแรงค่ะ ไม่มีประโยชน์เลย ในด้านกิจกรรม ความสนุกสนาน ในช่วงวัยรุ่น การลดน้ำหนักที่เหมาะกับวัยรุ่น และวัยหนุ่มสาว คือการออกกำลังกายค่ะ ทานเข้าไปเถอะค่ะ ให้เต็มที่ ตามที่ปากอยาก แต่เราสามารถทำให้ตัวเองไม่อ้วนได้ โดยใช้พลังงาน ให้มากขึ้นตามไงล่ะค่ะ
ทุกคนเกิดมา โดยมีพันธุกรรมกำหนดมาแล้ว ว่าจะสูงได้มากน้อยเพียงใด
การ รับประทานอาหาร ในแต่ละมื้อ แต่ละวันนั้น เป็นความสุขอย่างหนึ่งค่ะ ทุกคนหาความสุขนี้ ได้โดยง่าย ทานอาหารให้อร่อย ขณะเดียวกัน เลือกทาน สิ่งที่จะทำให้มีรูปร่างตามต้องการด้วย ถ้าอยากจะสูง อย่าอดอาหารค่ะ เพราะการอดอาหาร จะทำให้ร่างกาย หยุดการเจริญเติบโตนะคะ
การทำกิจกรรมต่างๆ ต้องใช้พลังงาน
แม้ เราจะไม่ได้ทำอะไรเลย ร่างกายก็ยังต้องการพลังงาน เพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้ค่ะ การออกกำลังมาก ต้องใช้พลังงานมาก การเดิน ใช้พลังงานมากกว่าการนั่ง การวิ่ง ใช้พลังงานมากกว่าการเดิน ร่างกายต้องใช้อาหาร ให้เกิดพลังงานก่อน ถ้ารับประทานอาหาร ไม่เพียงพอ โปรตีนในอาหาร ก็จะไม่ได้สร้าง และซ่อมแซมเนื้อเยื่อค่ะ ต่อให้ทานโปรตีน และแคลเซียมมาก ก็ไม่ได้ทำให้โตขึ้นนะคะ เพราะเมื่อร่างกาย ใช้โปรตีนสร้างพลังงานหมดแล้ว แคลเซียมที่ได้รับ จะไม่มีประโยชน์ ร่างกายจะขับทิ้งไป เมื่อความต้องการ ด้านพลังงานเพียงพอแล้ว สารอาหาร จึงจะได้ทำหน้าที่สร้าง และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ และสร้างสารต้านทานโรคค่ะ
วัยรุ่น ไม่ควรลดน้ำหนัก ด้วยการอดอาหาร
บาง คน อดอาหารด้วยการทานยา ที่ทำให้เบื่ออาหาร หรือเส้นใย ที่ทำให้พอง เต็มกระเพาะอาหาร ทำให้ทานอะไรไม่ลง นั่นทำให้ลดน้ำหนักได้จริงค่ะ แต่จะอ่อนเพลีย หมดความสนใจ ในสิ่งรอบๆ ตัว และหน้าตาซีดเซียว ไม่น่าดู ควรจะควบคุมน้ำหนัก ด้วยการเลือกชนิดอาหาร และการออกกำลังกาย ดีกว่านะคะ สิ่งที่จะทำให้สูง คือ โปรตีน แคลเซียม และวิตามินต่างๆ จึงควรดื่มนมมากๆ ค่ะ แต่ถ้าไม่อยากเพิ่มน้ำหนักจากนม ก็ให้เลือกดื่มนม ขาดมันเนยนะคะ
คนที่ดื่มนมไม่ได้
บาง คน ดื่มนมแล้ว มีอาการท้องเดิน ให้ทานผัก ที่มีสีเขียวมากๆ นะคะ ทานปลาทอดกรอบ เพื่อที่จะได้ทานก้างด้วย ผักคะน้า ยอดแค ใบชะพลู ผักบุ้ง ผักตำลึง ล้วนมีแคลเซียมทั้งนั้นค่ะ พวกยำใส่กุ้งแห้ง เมี่ยงคำ ผักจิ้มน้ำพริก ทำให้ได้ทานผัก กุ้งแห้ง กะปิ ซึ่งมีทั้งโปรตีน แคลเซียม และวิตามินต่างๆ อาหารพวกนี้ ไม่ใส่น้ำมัน รับประทานได้มาก โดยไม่ต้องกลัวอ้วน นอกจาก จะสร้างกระดูก เพิ่มความสูงแล้ว อาหารที่มีผักมาก ยังช่วยบำรุงผิว ให้สวยอีกด้วยค่ะ
ทานอาหารทะเล ผัก ผลไม้และนมแล้ว ยังน้ำหนักเกินมาตรฐาน
ต้องออก กำลังกายค่ะ ทำในสิ่งที่ชอบ อย่าฝืนใจ อาจเปิดเพลงเร็วๆ เต้น หรือ กระโดด เล่นเทนนิส แบดมินตัน ว่ายน้ำ ออกกำลังกายอย่างน้อย สัปดาห์ละ 4 วัน วันละอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ถ้าอายุยังไม่ถึง 18 อ้วนไปนิดอย่าตกใจค่ะ เมื่อสูงขึ้นแล้ว จะพอดี ไม่ผอมมากเกินไป
หมั่นชั่งน้ำหนักตัว ตรวจสอบความสูง ให้เหมาะสม กับน้ำหนัก
น้ำหนัก ตัว โดยมาตรฐานแล้ว ควรจะใกล้เคียง กับความสูง วัดเป็นเซนติเมตร ลบด้วย 100 ถ้าสูง 150 เซนติเมตร ควรจะน้ำหนักใกล้ๆ กับ 50 กิโลกรัม ไม่ควรผอมมาก เพราะจะทำให้ไม่มีอาหารในตัวพอ ที่จะยืดให้สูงได้ อย่าให้เกินนี้ เพราะมากเกินไปแล้ว ต่อไปจะลดได้ยากนะคะ แล้วก็อย่าลืม เรื่องการออกกำลังกาย การเดินเร็วๆ เป็นการออกกำลังกาย ที่ดีที่สุด สำหรับคนไม่ชอบ หรือไม่มีเวลา เล่นกีฬา ลดน้ำหนักได้ โดยไม่ต้องเสียเงิน รับรองว่าสูงได้แน่ค่ะ
ที่มา www.saranair.com/sections.php?op=viewarticle&artid=44
พระราชกฤษฎีกาที่สำคัญ
- พระราชกฤษฎีกาให้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ......
- พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ......
- พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. .......
- พระราชกฤษฎีกา เรียกประชุม/ปิดประชุม/ขยายเวลาประชุม สภาผู้แทนราษฎร
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2
การตราพระราชกฤษฎีกา
การตราพระราชกฤษฎีกา รัฐมนตรีซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องจะอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนดนั้นๆ เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาต่อคณะรัฐมนตรีให้พิจารณา โดยร่างพระราชกฤษฎีกานั้น จะต้องไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนดที่เกี่ยวข้อง
เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว จะต้องนำร่างพระราชกฤษฎีกา ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระมหากษัตริย์เพื่อทรงตราพระราชกฤษฎีกานั้นๆ นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จากนั้นจึงนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา บังคับใช้ต่อไป
พระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คือบทกฎหมายที่ ใช้บังคับอยู่เป็นประจำตามปรกติ เพื่อวางระเบียบบังคับความประพฤติของบุคคลรวมทั้งองค์กรและเจ้าหน้าที่ของ รัฐ เป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่มีฐานะสูงกว่าบทกฎหมายอื่น ๆ นอกจากรัฐธรรมนูญ ก่อนประกาศใช้บังคับ
พระราชบัญญัติมีอยู่ชนิดเดียว แต่บัดนี้รัฐธรรมนูญฯ ได้บัญญัติให้มีพระราชบัญญัติขึ้นอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ” ซึ่งรัฐธรรมนูญฯ บังคับให้ตราขึ้นเพื่อกำหนดสาระสำคัญในรายละเอียดในกรณีบางเรื่องที่รัฐ ธรรมนูญกำหนดหลักการไว้ เช่น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541
การตราพระราชบัญญัตินั้นจะทำได้ก็แต่โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา และเมื่อพระมหากษัตริย์ได้ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ก็มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายได้
ที่มา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช ๒๕๔๐) ม. ๙๒, ๙๓ และ ๓๒๓